ยำขนมจีนคือ อาหารตำที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการอาหารไทย โดยมีวัตถุดิบหลักคือขนมจีน และผักสดต่าง ๆ ผสมกับซอสยำที่มีรสชาติหอมหวานเปรี้ยว และความเผ็ดที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับรสชาติ มักจะเสิร์ฟพร้อมกับเนื้อหรือปลาที่ได้รับการเคลือบเนื้อหรือเค็มและนึ่งสุก

ต้นกำเนิดของยำขนมจีน

ขนมจีนเป็นการตำสินค้าเดิมที่มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรจีนโบราณ โดยตัดขนมจีนเป็นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ และนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำไปตำผสมกับซอสยำ และผักสดต่าง ๆ อย่างเดียวกันกับยำขนมจีนแบบไทยที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ในช่วงที่ พ.ศ. 2356 – 2382 อาณาจักรจีนได้ย้ายมาตั้งรกรากที่ชายแดนไทย โดยมีการนำขนมจีนมาตำผสมกับซอสที่มีรสชาติเผ็ดและหวาน เพื่อใช้เป็นอาหารสั่งซื้อสำหรับชาวไทยที่ใกล้เคียงกับชาวจีน จนกระทั่งกลายเป็นอาหารยอดนิยมของชาวไทยในปัจจุบัน

วัตถุดิบที่ใช้ในการทำยำขนมจีน

รายการวัตถุดิบหลัก

  • ขนมจีน: จำเป็นต้องใช้ขนมจีนชนิดแป้งแข็งที่ตัดเป็นเส้นโดยเฉพาะขนมจีนหมี่และขนมจีนเส้นใหญ่
  • เนื้อหมูหรือเนื้อไก่: ใช้เนื้อหมูหรือเนื้อไก่ที่ได้รับการเครื่องปรุงเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือใช้เนื้อที่เค็มและนึ่งสุก
  • ผักสด: ผักที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีนได้แก่ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว โหระพา กุ้งแห้ง ถั่วลันเตา และตำลึง
  • ผงพะโล้: ใช้ในการทำซอสยำ

วัตถุดิบเสริมที่ใช้

  • มะนาว: ใช้สกัดน้ำมะนาวเพื่อเพิ่มความหอมและเปรี้ยวให้กับยำขนมจีน
  • น้ำปลา: ใช้ในการปรุงรสซอส
  • พริกขี้หนูแห้ง: ใช้เพื่อเพิ่มรสเผ็ดให้กับซอสยำ

วิธีการเตรียมวัตถุดิบ

  1. ขนมจีน: นำขนมจีนไปล้างให้สะอาดด้วยน้ำจืด แล้วนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
  2. เนื้อ: หมักเนื้อด้วยซอสหรือเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ก่อนนึ่งให้สุก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  3. ผักสด: ล้างผักให้สะอาดแล้วแช่
  4. ผงพะโล้: นำผงพะโล้ผสมกับน้ำประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมกับซอสปรุงรสอื่น ๆ ที่ใช้ในการทำยำขนมจีน

การเตรียมยำขนมจีน

  1. ผสมเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ที่หมักไว้กับผักสด และขนมจีนในชาม
  2. เทซอสยำที่เตรียมไว้ในชาม และผสมให้เข้ากัน
  3. คลุกผสมเนื้อหมูหรือเนื้อไก่และผักสด ให้เข้ากัน
  4. เสิร์ฟยำขนมจีนพร้อมกับผักสดเสริฟเป็นเครื่องเคียง

การเสิร์ฟ

  • ใช้จานและช้อนสำหรับเสิร์ฟ
  • เสิร์ฟยำขนมจีนพร้อมผักสดที่เราชอบ

ขั้นตอนการทำยำขนมจีน

การหมักสำหรับเนื้อ

  1. นำเนื้อหมักใส่ถุงพลาสติก
  2. ผสมเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ตามชอบ และปิดถุงพลาสติกให้สนิท
  3. นวดเนื้อที่อยู่ในถุงพลาสติกให้เครื่องปรุงรสเข้ากัน
  4. นำถุงพลาสติกไปเก็บในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

การทำซอส

  1. ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ ผงพะโล้ และพริกขี้หนูแห้งในชามเดียวกัน
  2. ผสมให้เข้ากัน

วิธีการนึ่งขนมจีน

  1. นำน้ำใส่หม้อ ใส่เกลือเล็กน้อย และตั้งไฟให้น้ำเดือด
  2. ใส่ขนมจีนลงไปนึ่งในน้ำเดือดจนสุก
  3. ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น

วิธีการผสมผสานวัตถุดิบ

  1. ตั้งซอสยำและเนื้อที่หมักไว้ให้เป็นพิเศษ
  2. นำผักสดต่าง ๆ ไปล้างให้สะอาดแล้วตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
  3. นำขนมจีนไปตั้งพร้อมใช้งาน

วิธีการเสิร์ฟ

  1. นำเนื้อหมักและผักสดไปคลุกผสมในซอสยำที่เตรียมไว้
  2. นำขนมจีนที่ต้มสุกแล้ว ไปใส่ในจาน
  3. เทส่วนผสมของซอสยำกับเนื้อและผักสดลงบนขนมจีน
  4. เสิร์ฟพร้อมกับผักสดที่ชอบ

วิธีการเลือกขนมจีนที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีน

การเลือกขนมจีนตามลักษณะ

  1. ขนมจีนชนิดแป้งแข็ง: เหมาะสำหรับใช้ในการทำยำขนมจีนเนื่องจากมีความแข็งและไม่งอ
  2. ขนมจีนหมี่: เหมาะสำหรับใช้ในการทำยำขนมจีนเนื่องจากมีรูปทรงสวยงามและเหมาะกับการเสิร์ฟในจาน

การเลือกขนมจีนตามความรสชาติ

  1. ขนมจีนหวาน: สามารถใช้ได้ในการทำยำขนมจีนแบบผสมผสานรสชาติสัมผัสระหว่างรสหวานและเปรี้ยว
  2. ขนมจีนเค็ม: เหมาะสำหรับใช้ในการทำยำขนมจีนแบบเค็มเปรี้ยว

วิธีการเตรียมขนมจีนเพื่อใช้ในการทำยำ

  1. ล้างขนมจีนให้สะอาดด้วยน้ำจืด
  2. นำขนมจีนไปต้มในน้ำเดือดจนสุก
  3. ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น

การเลือกขนมจีนที่เหมาะสมสำหรับการทำยำขนมจีน นอกจากจะต้องเลือกตามลักษณะและความรสชาติ ยังต้องมีการเตรียมขนมจีนให้เหมาะสมกับการใช้ในการทำยำด้วยการล้างและต้มให้สุกและเย็นด้วยถูกวิธี จึงจะสามารถทำให้ยำขนมจีนออกมาได้โดยที่ไม่เปื้อนและมีความกรอบดี

สูตรยำขนมจีนที่ได้รับความนิยม

สูตรยำขนมจีนที่ใช้เนื้อหมู

ส่วนผสม

  • เนื้อหมูบด
  • ผักกาดขาว
  • หอมแดง
  • ผักชี
  • มะนาว
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำปลา
  • พริกขี้หนู
  • ผงปรุงรส

วิธีทำ

  1. ผสมเนื้อหมูบดกับผักกาดขาวและหอมแดง
  2. ตีแป้งเส้นยาว
  3. ทำซอสยำโดยผสมมะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา พริกขี้หนู และผงปรุงรส
  4. ต้มขนมจีนในน้ำเดือดจนสุก
  5. ผสมซอสยำกับเนื้อหมูและผักชี และคลุกผสมให้เข้ากัน
  6. เสิร์ฟพร้อมกับขนมจีนที่ต้มสุกแล้ว

สูตรยำขนมจีนที่ใช้เนื้อไก่

ส่วนผสม

  • เนื้อไก่
  • ผักสดต่าง ๆ (ใบชะพลู ผักกาดขาว ใบมะกรูด)
  • มะนาว
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำปลา
  • พริกขี้หนู
  • กระเทียม
  • หอมแดง

วิธีทำ

  1. หมักเนื้อไก่กับผงปรุงรสและกระเทียม
  2. ต้มขนมจีนในน้ำเดือดจนสุก
  3. ผสมมะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา พริกขี้หนู และผักสดต่าง ๆ
  4. คลุกเนื้อไก่กับซอสที่ผสมไว้
  5. เสิร์ฟพร้อมกับขนมจีน

สูตรยำขนมจีนที่ใช้ทะเล

ส่วนผสม

  • กุ้ง
  • ปูนิ่ม
  • หอยแครง
  • มะนาว
  • น้ำตาลทราย
  • น้ำปลา
  • พริกขี้หนู
  • กระเทียม
  • หอมแดง

วิธีทำ

  1. ต้มกุ้งในน้ำเดือดจนสุกและเด็ดน้ำตาลออก
  2. ต้มขนมจีนในน้ำเดือดจนสุก
  3. ผสมมะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา พริกขี้หนู และกระเทียม
  4. คลุกกุ้ง ปูนิ่ม และหอยแครงกับซอสที่ผสมไว้
  5. เสิร์ฟพร้อมกับขนมจีนที่ต้มสุกแล้ว

วิธีการปรับปรุงรสชาติของยำขนมจีน

การปรุงรสตามความชอบ

  1. การปรุงรสให้เป็นรสเปรี้ยวๆ เพิ่มเสริมความกรอบของขนมจีน
  2. การปรุงรสให้เป็นรสหวานๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้ากันได้กับส่วนผสมอื่นๆ ในยำขนมจีน
  3. การปรุงรสให้เป็นรสเค็มๆ เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในรสชาติ

การปรุงรสตามฤดูกาล

  1. ฤดูร้อน: ใส่ผักสดเยอะๆ เช่น ใบกระเพรา ใบมะกรูด ใบสะระแหน่ และมะนาวเยอะๆ เพื่อให้รสชาติเป็นสดชื่น และลดความร้อนในร่างกาย
  2. ฤดูฝน: ใส่เนื้อที่อบกรอบหรือแห้ง เช่น เนื้อหมูแดง หรือเนื้อไก่ทอดกรอบ เพื่อเพิ่มความกรอบของยำขนมจีน

วิธีการใส่ส่วนผสมเสริม

  1. ใส่ถั่วงอก ผักชี หอมแดง และผักกาดขาวเพิ่มความสดชื่นในรสชาติ
  2. ใส่น้ำปลา น้ำตาลทราย มะนาว และพริกขี้หนูเพิ่มความเปรี้ยว เค็ม หรือเผ็ดตามความชอบ
  3. ใส่เนื้อสัตว์หรือทะเลเพิ่มความหอมกรุ่นและรสชาติของยำขนมจีน

ประโยชน์ของยำขนมจีน

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

  1. มีโปรตีนจากเนื้อสัตว์และเนื้อทะเลช่วยสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย
  2. มีเส้นใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  3. มีวิตามินและเครื่องแรงทางต่างๆ เช่น วิตามินซี แคลเซียม และโพแทสเซียม ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและแรงดันเลือดปกติ

ประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก

  1. มีปริมาณแคลอรี่ต่ำมาก ไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ต่อหนึ่งมื้อ ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก
  2. มีเส้นใยอาหารเยอะทำให้รู้สึกอิ่มตัวได้นาน และไม่ต้องกินอาหารเยอะเท่ากัน

ประโยชน์ต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

  1. มีส่วนผสมจากผักสด ใบไม้ เช่น ผักชี ผักกาดขาว ใบกระเพรา ซึ่งมีธาตุอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
  2. มีส่วนผสมจากมะนาว ซึ่งมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อโรคได้ดี

ความแตกต่างระหว่างยำขนมจีนแบบไทยและแบบจีน

วัตถุดิบที่ใช้

  1. ยำขนมจีนแบบไทย: ใช้ขนมจีนสามรสชาติ แต่ส่วนมากจะใช้ขนมจีนเย็นหรือขนมจีนผัด
  2. ยำขนมจีนแบบจีน: ใช้ขนมจีนแบบดิบที่ยังไม่ผ่านการสร้างรูปและมีสีขาวใส

ส่วนผสม

  1. ยำขนมจีนแบบไทย: มีผักสดเยอะๆ เช่น ผักชี ตำลึง กวางตุ้ง และมะระขี้นก มีเนื้อหมูย่างหรือไก่ย่างเป็นส่วนผสมหลัก
  2. ยำขนมจีนแบบจีน: มีหมูหมัก หรือเนื้อหมูแดง และเนื้อแห้งหรือแป้งปั้น นอกจากนี้ยังมีการใส่มะเขือเทศ ถั่วงอก และซีอิ๊วดำ

รสชาติ

  1. ยำขนมจีนแบบไทย: มีรสเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวาน รวมทั้งมีรสขมจากมะนาว
  2. ยำขนมจีนแบบจีน: มีรสเค็มเปรี้ยว และเผ็ดจากพริกขี้หนูและซีอิ๊วดำ

วิธีการเสิร์ฟ

  1. ยำขนมจีนแบบไทย: เสิร์ฟในจานใหญ่และเนื้อหมูย่างหรือไก่ย่างจะวางบนด้านบน น้ำจิ้มสามารถใช้น้ำจิ้มปลาหรือน้ำจิ้มแจ่ว โดยเครื่องเคียงจะมีหมูทอดกรอบ และขนมจีนทอดเป็นเครื่องเคียง
  2. ยำขนมจีนแบบจีน: เสิร์ฟในจานเล็กๆ และเนื้อหมูหมักหรือเนื้อแห้งจะวางบนด้านบน โดยไม่มีน้ำจิ้มเพิ่มเติม แต่สามารถเสิร์ฟพร้อมกับซอสจากการผัดในตะไคร้ น้ำมันหอย และซอสมะนาวหรือซีอิ๊วขาว

วิธีการเลือกเครื่องเคียงในการทำยำขนมจีน

การเลือกผักและสมุนไพร

  1. ควรเลือกผักสดๆ มีกลิ่นหอม และไม่มีจุดเน่าหรือเป็นแผล
  2. ผักที่เหมาะสำหรับยำขนมจีนได้แก่ ผักชี ตำลึง กวางตุ้ง และมะระขี้นก นอกจากนี้สามารถใส่ผักอื่นๆ เช่น กระเจี๊ยบ ฟักทอง หอมหัวใหญ่ ได้ตามความชอบ
  3. สมุนไพรที่เหมาะสำหรับยำขนมจีนได้แก่ ตะไคร้ ขิง และมะกรูด

การเลือกเครื่องปรุงรส

  1. ควรเลือกเครื่องปรุงรสที่มีคุณภาพดีและมีส่วนผสมที่เหมาะสม เช่น น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ น้ำตาลทราย น้ำปลา เป็นต้น
  2. สามารถเติมรสชาติเพิ่มเติมได้ด้วยน้ำมะนาว พริกป่น หรือน้ำจิ้มสามชั้น

การเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสม

  1. เครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับยำขนมจีนได้แก่ น้ำเปล่า น้ำผลไม้สด และน้ำอัดลม
  2. ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำผงชูรสหรือน้ำเปล่าที่มีความเป็นกรดสูงเพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในกระเพาะอาหารได้

วิธีการเก็บรักษายำขนมจีน

เนื่องจากยำขนมจีนเป็นอาหารสด ดังนั้นการเก็บรักษาต้องคำนึงถึงความสดของวัตถุดิบ และสภาพอากาศที่อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ดังนั้น ต้องมีการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อรักษาความสดของวัตถุดิบและความอร่อยของอาหาร

วิธีการเก็บรักษายำขนมจีนในตู้เย็น

  1. หลังจากเสิร์ฟยำขนมจีนเสร็จแล้ว ให้นำอาหารเข้าถุงปลากระดูกยี่ห้อดีและเก็บในตู้เย็นไว้
  2. ควรเก็บยำขนมจีนในตู้เย็นไม่เกิน 1 วัน และไม่ควรเก็บเกิน 2 วันเนื่องจากอาหารเป็นอาหารสด

วิธีการเก็บรักษายำขนมจีนในช่องแข็ง

  1. หลังจากเสิร์ฟยำขนมจีนเสร็จแล้ว ให้นำอาหารเข้าถุงพลาสติกและเก็บในช่องแข็ง
  2. ควรเก็บยำขนมจีนในช่องแข็งไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสดของวัตถุดิบและความอร่อยของอาหาร

วิธีการเก็บรักษายำขนมจีนในถุงพลาสติก

  1. หลังจากเสิร์ฟยำขนมจีนเสร็จแล้ว ให้นำอาหารเข้าถุงพลาสติกและรัดปากถุงให้แน่น
  2. ควรเก็บยำขนมจีนในถุงพ
  3. ควรเก็บยำขนมจีนในที่ที่มีอากาศถ่ายเทอากาศได้ดี เช่น ในตู้เย็นหรือตู้เก็บของ
  4. ควรเก็บยำขนมจีนในถุงพลาสติกไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาความสดของวัตถุดิบและความอร่อยของอาหาร

คำแนะนำในการทำยำขนมจีน

การทำยำขนมจีนเป็นการปรุงอาหารที่อาจมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ดังนั้นจึงต้องมีคำแนะนำเพื่อช่วยให้การทำง่ายขึ้นและได้อาหารที่มีคุณภาพและอร่อย

คำแนะนำในการเตรียมวัตถุดิบ

  1. ตรวจสอบวัตถุดิบที่ใช้ในการทำยำขนมจีนให้มีความสดใหม่ ไม่เป็นโรคและไม่มีสิ่งสกปรก
  2. ล้างผักและวัตถุดิบให้สะอาดก่อนนำมาใช้งาน
  3. ตัดเนื้อหรือวัตถุดิบเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้ง่ายต่อการผสมผสานส่วนผสม

คำแนะนำในการปรุงรส

  1. ต้องใช้ส่วนผสมที่เป็นคุณภาพดีและสดใหม่ เพื่อให้รสชาติของอาหารมีความอร่อยและเต็มเปี่ยม
  2. ควรปรุงรสให้ตรงตามสูตร แต่สามารถปรับปรุงรสชาติตามความชอบได้
  3. ควรปรุงรสชาติทุกส่วนผสมให้สมดุล ไม่ควรใช้ส่วนผสมเกินหรือไม่เพียงพอ

คำแนะนำในการเสิร์ฟ

  1. ใส่ยำขนมจีนในจาน และโรยผักสด หรือเครื่องเคียงตามชอบ เช่น หมูย่าง ไข่ลูกเขย ลูกชิ้น หรือ ทอดมัน
  2. ควรเสิร์ฟยำขนมจีนเมื่ออาหารอยู่ในสภาพอุ่น จะทำให้รสชาติของอาหารอร่อ

สิ่งที่ควรระวังในการทำยำขนมจีน

  1. ตรวจสอบวัตถุดิบที่ใช้ในการทำยำขนมจีนให้มีคุณภาพและสดใหม่
  2. ใช้ส่วนผสมที่เป็นคุณภาพดีและสดใหม่ เพื่อให้รสชาติของอาหารมีความอร่อยและเต็มเปี่ยม
  3. ปรุงรสให้ตรงตามสูตร แต่สามารถปรับปรุงรสชาติตามความชอบได้
  4. รักษาอาหารให้สดอยู่เสมอ และไม่ควรเก็บรักษายำขนมจีนนานเกินไป
  5. ใช้เครื่องปรุงรสที่เหมาะสมและปลอดภัย
  6. ไม่ควรใช้วัตถุดิบที่ไม่สดใหม่ หรือมีสิ่งสกป

สรุป

ยำขนมจีนเป็นอาหารที่มีความนิยมและเป็นที่รู้จักในหลายประเทศทั่วโลก การทำยำขนมจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่ต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้อาหารที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ

คำถามที่พบบ่อย

ยำขนมจีนมีวัตถุดิบอะไรบ้าง?

วัตถุดิบหลักของยำขนมจีนประกอบไปด้วย ขนมจีน หมูหมัก แตงกวา ผักชี กระเทียม น้ำปลา น้ำตาล มะนาว พริกขี้หนู และถั่วลิสง

ขั้นตอนการทำยำขนมจีนคืออะไร?

ขั้นตอนการทำยำขนมจีนประกอบไปด้วย การหมักสำหรับเนื้อ การทำซอส วิธีการนึ่งขนมจีน วิธีการผสมผสานวัตถุดิบ และวิธีการเสิร์ฟ

ส่วนผสมที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีนคืออะไร?

ส่วนผสมที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีนประกอบไปด้วย ขนมจีน หมูหมัก ไก่หมัก กุ้ง ปลาหมึก หรือเนื้อวัว แตงกวา ผักชี กระเทียม พริกขี้หนู มะนาว น้ำปลา และน้ำตาล

วิธีการเลือกขนมจีนที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีน?

วิธีการเลือกขนมจีนที่เหมาะสมในการทำยำขนมจีนคือ การเลือกขนมจีนที่เนื้อเยื่อหนา และสามารถตั้งตัวได้ง่าย เนื้อของขนมจีนต้องมีความสม่ำเสมอและเนียน ทำให้เหมาะสมกับการใส่ซอสและส่วนผสมต่างๆ

ยำขนมจีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?

ยำขนมจีนมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก เนื่องจากยำขนมจีนเป็นอาหารที่มีพลังงานต่ำ แต่มีสารอาหารอย่างหลากหลาย โปรตีนสูง และมีค่าเกลือต่างๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกายและสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากผักและผลไม้ ทำให้มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น การทานยำขนมจีนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพได้ในทุกๆ เรื่อง อย่างเช่นการลดน้ำหนัก และการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องพลังงานที่ร่างกายได้รับเกินไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *