หัวข้อของบทความนี้จะเกี่ยวกับไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดี หากคุณกำลังมองหาไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดีมาสำรวจกันกับSalcedomarketในหัวข้อไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดีในโพสต์ไปเที่ยวกับทัวร์ โตเกียว !!! ญี่ปุ่น ครั้งแรกในชีวิตนี้.
ข้อมูลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดีในไปเที่ยวกับทัวร์ โตเกียว !!! ญี่ปุ่น ครั้งแรกในชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุด
ที่เว็บไซต์Salcedo Marketคุณสามารถเพิ่มเนื้อหาอื่น ๆ นอกเหนือจากไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดีสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากขึ้นสำหรับคุณ ที่เพจSalcedo Market เราอัปเดตเนื้อหาใหม่และถูกต้องทุกวันสำหรับคุณเสมอ, ด้วยความปรารถนาที่จะให้ข้อมูลที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ ช่วยให้คุณอัพเดทข่าวสารออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว.
การแบ่งปันบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดี
ไปกับทัวร์ เที่ยวโตเกียวน่าเบื่อจริง!!! หลายคนบอกว่าไปญี่ปุ่นกับทัวร์จะเป็นทริปที่น่าเบื่อมาก….แต่จะทำยังไงดีเราไม่มีเวลาวางแผนการเดินทางเลย เพราะเป็นวันหยุดประจำปี กับการไปเที่ยวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ครั้งแรกในชีวิต ระหว่างฉันกับแฟน ……. ฉันต้องแย่มากที่ไม่กล้าพอที่จะพาแฟนไปเที่ยวแบบแบกเป้เหมือนคนอื่นๆ ในใจแอบกังวลว่าทริปนี้จะเป็นทริปที่น่าเบื่อ แต่เมื่อได้ไปสัมผัสจริง ๆ สำหรับทัวร์ทัวร์ ฉันไม่พบว่ามันน่าเบื่อ อย่างที่ฉันคิด เราได้รู้จักมิตรภาพจากคนแปลกหน้าซึ่งเราไม่ได้คาดหวังจากการเดินทางไปต่างประเทศ เราเรียนรู้วิธีเดินทางจากมัคคุเทศก์ สนุกแบบไม่คิด ก็ยังดีไปอีกแบบ……. .
ภาพถ่ายบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเกี่ยวกับไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดี
นอกจากการดูเนื้อหาของบทความนี้แล้ว ไปเที่ยวกับทัวร์ โตเกียว !!! ญี่ปุ่น ครั้งแรกในชีวิต คุณสามารถค้นหาเนื้อหาเพิ่มเติมด้านล่าง
เนื้อหาเกี่ยวกับไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดี
#ไปเทยวกบทวร #โตเกยว #ญปน #ครงแรกในชวต.
ไปเที่ยวกับทัวร์,โตเกียว,ํTokyo,Japan,ทัวร์โตเกียว,เที่ยวญี่ปุ่น,ญี่ปุ่น,5วัน3คืน,ชิบุย่า,อุเอโน๊ะ,ฟูจิ,ภูเขาไฟฟูจิ,น่าเบือ,ท่องเที่ยว,ทัวร์ญี่ปุ่น.
ไปเที่ยวกับทัวร์ โตเกียว !!! ญี่ปุ่น ครั้งแรกในชีวิต.
ไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดี.
หวังว่าข้อมูลบางส่วนที่เราให้ไว้จะเป็นประโยชน์กับคุณ ขอบคุณที่รับชมไปญี่ปุ่นกับทัวร์ไหนดีข่าวของเรา
สวัสดีค่ะน่าสนุกมากค่ะ
ผมอายุ14ผมเก็บเงินอีก7ปีผมจะไปเเต่ผมไม่รู้ว่าเราจะจองตั๋วยังไง
ทัวร์เว็บไซต์อะไรครับ
ไปกับทัวร์มีข้อเสีย จำกัดเวลาเที่ยวแต่ละสถานีที่ ไม่เหมือนไปเอง อยู่ได้นานกว่า ค่าทัวร์แพงกว่าไปเองแน่นอนโดยเฉพาะเสียค่าทริปไกด์อีก ทัวร์เอากำไรเกินควร ช่วงวเลาเที่ยวแค่ 3 วันน้อยเกินไป ไปเองอยู่ได้หลายวัน ฟรีวืซ่า 15 วัน โปรแกรมทัวร์ส่วนใหญ่ก้ซ้ำๆกัน ไม่เหมือนไปเอง มีที่เที่ยวอีกมากมาย ที่ทัวร์ไม่มีในโปรแกรม ไปกับทัวร์เขาให้นั่งแต่รถบัส ไปเองเรียนรุ้การขึ้นรถไฟด้วยตนเอง ดูทำให้ภุมิใจในตัวเราเองก้ทำได้ เพราะคนญี่ปุ่นเขาใช้รถไฟเดินทาง สะดวกรวดเร้วมาก ถ้ามาญี่ปุ่นแล้วไม่ขึ้นรถไฟ เหมือนมาไม่ถึง ส่วนใหญ่ทริปแรกมากับทัวรื์ ทริปหน้าเขาก็ไปเองกันเป้นส่วนใหญ่
มีค่าใช่จ่ายอะไรบ้างที่เราต้องจ่ายเองคะ
ดูคลิปแล้วโอเคดีครับ สบาย สบา่ย พกเงินไปช๊อปอย่างเดียว
อยากทราบว่าในคลิปนี้เดือนไหนหรอคับ วันที่เท่าไหร่
ราคาทัวเท่าไรคะ
ทัวร์บริษัทอะไรคะ
ไปกับทัวร์ของอะไรอะครับ
ค่าทัวร์เท่าไหร่คะ
สอบถามได้ไหมคะไปกับทัวร์ของอะไร
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ^^
ไปเอง มันไม่รู้สึกว่าไปท่องเที่ยว อันนี้ความคิดผมนะ
คลิปนี้เป็นทริปท่องเที่ยวช่วงต้นเดือนมีนาคม ปี 2562 ที่ผ่านมา
Day 5. นั่นคือวันเดินทางกลับ เท่ากลับว่า ทัวร์ 5 วัน 3 คืน อยู่ญี่ปุ่นจริงๆ แค่ 3 วัน 3 คืนเท่านั่น ที่เหลือคือวันเดินทางไปและกลับ
สำหรับ การท่องเที่ยวแบบทัวร์ ผมไม่ได้รู้สึกว่ามันจะหน้าเบื่อ อย่างที่คิด เราได้รู้จักมิตรภาพจากคนแปลกหน้าที่เราไม่คิดว่าจะได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศ เราได้เรียนรู้จักการเดินทางจากผู้เป็นไกด์ ได้สนุกแบบไม่ต้องคิดอะไร มันก็ดีไปอีกแบบ…….
Day 4.
– ตื่นเช้าทำธุระส่วนตัว เรียบร้อย กินอาหารเช้าที่โรงแรม ก่อนออกเดินทางตามแผน โดยมีเพื่อร่วมการเดินทางไปกับเราด้วย หลายคนที่มีความคิดเหมือนกัน โดยรถทัวร์ของบริษัททัวร์ ไปส่งเราที่สนามบินนาริตะ เพื่อไปเชื่อมต่อกับรถไฟ หลายสายที่มีจุดเริ่มต้น และปลายทางที่นี่ เราเดินทางด้วยรถไฟสายสกายไลน์ มุ่งหน้าไปสู่เมืองโตเกี่ยวที่สถานีอุเอโน๊ะ ตามแผนที่วางไว้
– สวนสาธารณะอุเอโน๊ะ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่มีต้นซากุระ บานก่อนฤดูอยู่ 2 ต้น ในต้นเดือนมีนาคม
– เดินชอปปิ๊ง ย่าน มาเมโยโก๊ะ
– ไปต่อที่ด๊องกี้ ด๊องกี้ ศูนย์รวมสินค้าของฝากจากประเทศญี่ปุ่น
– จากนั้นเรานั่งรถไฟ สาย YAMANOTE LINE (ยามาโนเตะ ไลน์) ไปต่อที่ย่านชิบูย่า จุดแลนด์มาร์กยอดนิยม ที่การมาโตเกียวต้องไม่ควรพลาด พร้อมเดินช๊อปปิ้ง ละกินไอศกรีม รสชาติที่สุดของความอร่อยภายในซอยเล็ก ที่มีชื่อว่า ชิบูย่า คาเฟ่ (ลองหากันดูนะครับผมไม่รู้จะบอกทางยังไง มันอยู่ในซอยทางขวามือเมื่อหันหน้าเข้าตึกสตาร์บั๊ค)
– จากนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับที่พัก เพราะกลัวว่าจะตกรถไฟ เนื่องจากค่าแท็กซี่แพงแบบ สามารถจองต๋วเครื่องบินไปกลับเชียงใหม่ได้สบายๆเลยที่เดี่ยว (จากโตเกี่ยว ไปวนามบินนาริตะ ค่อนข้างไกลนั่งรถไฟ สกายไลน์ด่วน พิเศษยังต้องใช้เวลา 45 นาที)
– เมื่อถึงที่พัก เตรียมตัวเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนวันรุ่งขึ้นจะต้องรีบไปสนามบินแต่เช้าเพื่อเดินทางกลับ
Day 3.
– หลังจากนัดรวมตัวกินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จสิ้น เราเดินทางต่อไปที่ ฟูจิเทน รีสอร์ต ซึ่งเป็นลานหิมะ ไว้ให้นักท่องเที่ยวสัมผัสกับหิมะในช่วงปลายฤดูหนาว ในช่วงต้นเดือนมีนาคม สำหรับคนที่ชอบเล่นสกีก็สามารถเล่นได้ แต่ต้องใช่เวลาถ้าคุณไม่เคยเล่นมาก่อน คาดว่าเวลา 1 ชั่วโมงที่ทางบริษัททัวร์ให้เวลากับเรา จะเรียนรู้ไม่ทัน จึงต้องหันไปเล่นสกีถาดแทน เด็กๆสนุกกันใหญ่เลย
– ในวันที่ 2 เราก็ได้เริ่มพูดคุยกับเพื่อร่วมคณะเดินทาง และได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น เราก็ได้พึ่งพาอาศัยสลับกันถ่ายรูปหมู่ไปมา และก็คุยถูกคอ จนไปไหนต่อไหนด้วยกัน สำหรับคนที่รักความสันโดษ ก็มีเพื่อนร่วมคณะก็มาเพียงลำพังคนเดียว และก็สามารถสนุกสนานไปกับทัวร์นี้ได้เช่นกัน
– หลังจากที่เราสัมผัสกับหิมะเป็นที่พอใจแล้ว บางคนก็ยังอารมณ์ค้าง ฮ่าๆๆๆ ก็ต้องเดินทาง ไปเรียนรู้การชงชาเขียวแท้ๆ แบบโบราณ และวิธีการดื่ม แบบต้นฉบับวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ก่อนเดินทางรับประทานอาหารใกล้ๆกับทะเลสาบคาวากูจิโกะ
– จากนั้นทั้งคณะทัวร์ก็เดินทางกลับเข้าไปที่เมืองโตเกียว เพื่อไปท่องเที่ยวในย่านช๊อบปิ้งชื่อดังอีกที่นึงก็คือ ย่านชินจุกุ แต่เนื่องจากเราไปช่วงเดือนมีนาคม ก็เสี่ยงที่จะเจอฝน และแล้วเราก็เจอฝน แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา พร้อมลุยเดินท่องเที่ยว ช๊อบปิ้ง พร้อมเก็บภาพสวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกไปด้วย
– ต่อมาทางบริษัททัวร์ ก็เอาใจเด็กที่เดอนทางไปในครั้งนี้ รวมถึงผมด้วย ที่ชื่นชอบแกนดั้ม ไปดูแกนดั้มยักษ์ ที่มีความสูง 18.28 เมตร ตั้งอยู่หน้าห่าง DiverCity Tokyo Plaza และก็ตามเคยเจอบรรยากาศสวยๆไม่ได้ ก็ต้องถ่ายภาพแฟนสวยๆ ให้เธออัพลงเฟซบุ๊คตามเคยนั้นแหละ โดยมื้อค่ำของวันนี้เราก็ต่างคนต่างหากินภายในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้แหละครับ
– ก่อนเราจะเดินทางกลับที่พัก เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่ติดอยู่กับสนามบินนาริตะ ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง งานนี้บอกตามตรงผมแอบเสียใจ และแอบคิดว่าถ้าบริษัททัวร์ จัดให้เรานอนในเมืองโตเกี่ยวคืนนี้ คงได้สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืน ไปอีกหนึ่งบรรยากาศ และก็คงจะได้รูปสวยๆ อีกเพียบ
– สำหรับห้องพักของโรงแรมในคืนที่ 2 จะเป็น ห้องเดียวกับคืนที่ 3 ด้วย โดยห้องพักที่ติดกับสนามบินเมืองนาริตะแห่งนี้ ค่อนข้างใหญ่สะดวกสบายมากๆ
– ก่อนนอนเราสองคนก็มาเริ่มวางแผนกันอีกครั้งว่าวันรุ่งขึ้นเราจะต้องเดินทางไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง แอ๊ะหลายคนอาจจะงง ในเมื่อเราไปกับทัวร์ท่องเที่ยวแล้วทำไมเราต้องมานั่งคิดวางแผนกันอีก ก็เพราะว่าทัวร์ที่เราเลือกโปรแกรมมานั้น ในวันที่ 4 ของการท่องเที่ยว และเป็นวันอิสระ ที่เราจะเลือกไปเที่ยวไหนก็ได้ โดยมีทางไกด์เป็นคนแนะนำในการเดินทางไปที่ต่างๆ ตามโปรแกรมที่เรากำหนดเอง
Day 2.
– ที่แรกที่เราจะไปคือ Tokyo sky tree หอคอยส่งสัญญานที่สูงที่สุดในโตเกี่ยว (แวะถ่ายรูปกับหอคอยเฉยๆ) อันนี้ต้องขอบอกว่า เวลาไม่พอที่จะเข้าชมภายใน แค่ถ่ายรูปอยู่ห่างๆ แต่ก็ได้รูปสวยๆ บรรยากาศดี๊ดี
– ต่อด้วย ไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมทองคำ ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วัดอาซากุสะ ถ่ายรูปกับโคมยักษ์ และเดินตลาดที่เต็มไปด้วยของฝากจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นย่านที่คนญี่ปุ่นต่างก็ชอบทาเดินเที่ยวเป็นจำนวนมาก
– รับประทานอาหารที่เมืองโตเกียว แล้วแต่ทางบริษัทจะจัดให้
– เดินทางต่อไปที่หมู่บ้าน โอชิโนะฮักไค ที่ตั้ง Oshino-mura , Minamitsuru,Yamanashi-ken 401-0511 โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ในระหว่างทางก็จะผ่านภูเขาไฟฟูจิ จากบนรถทัวร์ไกลๆ แต่ก็สวยแปลกหูแปลกตาไปดี ก่อนถึงที่หมาย เราสองคนชอบบรรยากาศที่หนาวเย็นและสัมผัสกับบรรยากาศหมู่บ้านโบราณของชาวญี่ปุ่น และบ่อน้ำใส่ ใส่มากจริงๆ ก็เลยเป็นที่มาของคำว่าหมู่บ้านน้ำใส่ที่คนไทยเรียกกันนั่นเอง
– หลังจากได้สัมผัสหมู่บ้านน้ำใสเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถทัวร์ไปที่โกเทมบะ เอ้าเลต เป็นที่ชื่นชอบของนักช๊อบปิ้ง อย่างแน่นอนโดยเฉพาะรองเท้ากีฬาแบรนดังต่างๆ มีราคาที่ถูกกว่าเมืองไทย มากถึง 30 – 50 % เลยที่เดียว ถูกไม่ถูกเราสองคนซื้อมา 4 คู่ และของอื่นๆเพียบ ฮ่าๆๆๆ
– ต่อมาเราก็เดินทางเข้าโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองฟูจิ เพื่อไปกินขาปูยักษ์บุฟเฟต์ กินไม่อั้น แต่เพื่อนๆ อย่าเข้าใจผิดว่าจะเป็นขาปูอลาสก้านะ จริงๆแล้วมันคือปูหิมะ แต่ก็รสชาติก็อร่อย พร้อมกับอาหารอื่นๆ ทั้งซูชิ ราเมง ของหวาน ต่างๆ อีกมากมาย
– ในส่วนกิจกรรมส่งท้ายคือวันแรกคือ แช่น้ำออนเซ็น ซึ่งแยกห้องหญิงชาย (ห้ามเข้าไปถ่ายภาพ)
– ส่วนห้องพักถ้าไปสองคนก็จะได้นอนคู่กัน ถ้าไปเดี่ยวก็อาจจะต้องนอนรวมกับคนอื่นนะครับ สำหรับห้องพัก อาจจะเล็กไปหน่อย แต่ก็ถือว่าไม่ลำบากมากครับ นอนได้สบายๆ
Day.1
นับตั้งแต่เราเช็คอินที่สนามบิน ก็จะพบกับไกด์นำเที่ยว ที่เป็นคนไทย มาแนะนำตัวให้รู้จัก ว่าเขานี่เเหละ ที่จะดูแลเราไปตลอดทริป พร้อมพนักงานของบริษัททัวร์มาคอยดูแล ก่อนเข้าไปข้างใน เพื่อไปรอเครื่องขึ้น ก็เริ่มนับ 1 ได้เลย ถือว่าเป็น 1 วันของทริปนี้ทันที
เราได้เที่ยวบินที่เวลา 23.45 น. แต่เราเลือกที่จะไปล่วงเวลา เพราะว่าเราพอจะมีสิทธิ์พิเศษจากบัตรเครดิตอยู่บ้างเพื่อที่จะเข้าไปนั่งในเล้าจ์ ของคิงพาวเวอร์แบบชิวๆ ก่อนถึงเวลาขึ้นเครื่องและออกเดินทาง ด้วยระยะเวลาประมาณ 6 ชั่วโมง พอใกล้ถึงที่หมายเสียงกับตันประกาศก่อนเครื่องลงให้รู้ถึงอุณหภูมิที่แตกต่างระหว่าง 2 ประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม ทำให้ทุกคนหยิบเสื้อผ้าชิ้นหน้ามาส่วมใส่ กันหนาวก่อนลงเครื่อง จากนั้น ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศญี่ปุ่น จากนั้นก็ผ่านไปได้ฉลุย ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง และด้านศุลกากร เจ้าหน้าที่อาจจะมีการสอบถามบ้างบางรายเป็นการสุ่ม แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่ยาก อย่างเราสองคนก็ถูกถามว่าคุณมาทำอะไร พอฟังออกอยู่บ้างก็บอกไปว่า ทราเวล โปรแกรมทัวร์ จากนั้นก็ถามอีกคำถามเกี่ยวกักระเป๋าเขาทำมาชี้ๆ เราก็ชี้ไ แล้วพยักหน้า เขาก็เปิดกระเป๋าตรวจประมาณ 1 นาที ก่อนสิ้นเสียงคำว่า แต้วกิ้ว เอาเป็นว่า อากาศเย็นในสนามบินเอาเราเหงื่อออกมือกันเลยทีเดียว แต่ก็เป็นเพียงการสุ่มตรวจตามขั้นตอนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด กว่าจะผ่านขั้นตอนการเข้าเมืองมาได้ เราได้สัมผัสหน่าวแรก นอกสนามบิน นาริตะ เวลา ประมาณ 7.30 น. กับลมหนาวที่มากระทบตัวด้วยอุณหภูมิ 5 องศา รู้สึกได้ถึงระดับความหนาว ก็เข้าสู่วันที่ 2 ของตารางทัวร์โดยไม่รู้ตัว